คดีเช่าซื้อ

ว่าความ
บริษัท เจ ที ลีเกิ้ล จำกัด
JT Legal Consult
ปรึกษาปัญหากฎหมาย ฟรี
+66 2094 0889
+66 2094 0890
จ. - ศ.
เวลาทำการ 08:30 น. - 17.30 น.
Slider

คดีเช่าซื้อ


ปัจจุบันการเช่าซื้อสินค้าต่าง ๆได้รับความนิยมและแพร่หลายอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างเช่น การเช่าซื้อรถยนต์ การเช่าซื้อเครื่องจักรขนาดใหญ่ เป็นต้น เนื่องจากทรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูง ดังนั้น การเช่าซื้อจึงได้รับความนิยมในการดำเนินธุรกิจอย่างมาก

การเช่าซื้อนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 บัญญัติว่า “อันว่าเช่าซื้อนั้น คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้น หรือว่าจะให้ทรัพย์สินตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว” จากบทบัญญัติข้างต้นจึงพอสรุปสาระสำคัญของการเช่าซื้อได้ดังนี้

1.ผู้ให้เช่าซื้อจะต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ให้เช่าซื้อ

2.ผู้ให้เช่าซื้อให้คำมั่นว่าผู้ให้เช่าซื้อจะขายทรัพย์สินและให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อนั้นตกเป็นของผู้เช่าซื้อทันที เมื่อผู้เช่าซื้อได้ชำระราคาครบถ้วน

3.สัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ

 

การฟ้องร้องดำเนินคดี

 

หากผู้ให้เช่าซื้อเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อ เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงินลิสซิ่งต่าง ๆ การฟ้องร้องดำเนินคดีจะต้องกระทำเป็นคดีผู้บริโภค โดยฟ้องคดี ณ ภูมิลำเนาของจำเลยเท่านั้น การฟ้องคดีเช่าซื้อมาหลายกรณีด้วยกันอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว

ดังนั้นอายุความการฟ้องคดีจึงขึ้นอยู่กับว่าผู้ให้เช่าซื้อฟ้องเรียกร้องสิ่งใดจากจำเลย กล่าวคือ หากเป็นกรณีฟ้องให้รับผิดชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ เช่นนี้มีอายุความ 2 ปี , หากเป็นกรณีฟ้องให้รับผิดชำระค่าเสียหายจากการที่ผู้เช่าซื้อใช้ทรัพย์สิน เช่นนี้อายุความ 6 เดือน , หากเป็นกรณีฟ้องให้ชำระค่าขาดราคา ค่าขาดประโยชน์ ค่าติดตาม เรียกให้ส่งคืนหรือใช้ราคาแทน เช่นนี้อายุความ 10 ปี โดยในการฟ้องคดีต่อศาลนั้น จำต้องใช้เอกสารหลักฐานสำคัญๆ ได้แก่ สัญญาเช่าซื้อ , สัญญาค้ำประกัน(ถ้ามี) , หนังสือบอกกล่าวทวงถาม เป็นต้น

สอบถามเพิ่มเติม