คดีกู้ยืมเงิน

ว่าความ
บริษัท เจ ที ลีเกิ้ล จำกัด
JT Legal Consult
ปรึกษาปัญหากฎหมาย ฟรี
+66 2094 0889
+66 2094 0890
จ. - ศ.
เวลาทำการ 08:30 น. - 17.30 น.
Slider

คดีกู้ยืมเงิน


ความหมาย/สาระสำคัญของการกู้ยืมเงิน

การกู้ยืมเงินเป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งเกิดจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า “ผู้กู้”  มีความต้องการจะใช้เงิน แต่ตนเองมีเงินไม่พอหรือไม่มีเงิน จึงไปขอกู้ยืมจากบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้ให้กู้” และผู้กู้ตกลงจะใช้คืนภายในกำหนดเวลาใดเวลาหนึ่ง การกู้ยืมจะมีผลสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีการส่งมอบเงินที่ยืมให้แก่ผู้ที่ยืมและผู้กู้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ โดยในการกู้ยืมนี้ผู้ให้กู้จะคิดดอกเบี้ยหรือไม่ก็ได้ และดอกเบี้ยที่จะคิดได้นั้นจะต้องไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 "การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

ในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น ท่านว่าจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว"

จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว หมายความว่า การกู้ยืมเงินกว่า 2,000 บาทขึ้นไปนั้น  ต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จึงจะฟ้องบังคับคดีเรียกหนี้เงินได้ ดังนั้นเพื่อให้การฟ้องร้องดำเนินคดีกู้ยืมเงินเป็นไปอย่างไม่ยุ่งยาก ผู้ให้กู้ควรทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินกับผู้กู้ด้วย

 

การฟ้องร้องดำเนินคดี

การฟ้องร้องเรียกเงินตามสัญญากู้ยืมนั้นจะต้องกระทำภายในกำหนดอายุความ ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องฟ้องภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ถึงกำหนดชำระเงินคืน หากปล่อยเวลาดังกล่าวล่วงเลยไปแล้ว คดีถือเป็นขาดอายุความ ตามความแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30

สอบถามเพิ่มเติม